วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การปรับแต่งเสียงเครื่องเสียง


การปรับแต่งเสียงเครื่องเสียง

  จะบอกเป็นขั้นตอนให้ทำกันง่ายๆ ใช้ภาษาง่ายๆเหมือนที่ผมได้รับคำแนะนำมาดังนี้ครับ..

1.   เมื่อต่อระบบแล้ว เปิด เครื่องทุกชิ้น แล้วทำดังนี้
-   พาวเวอร์แอมป์เร่งวอลลุ่มจนสุดทุกตัว ทั้งขับ low mid hight
-   ที่มิกซ์ปรับ EQ ในไลน์มิกซอร์ทุกตัวเป็น 0 หรือ แฟลท
( ถ้ามิกเซอร์มี EQ ด้วยให้ปิดหรือปรับเป็น Flat หมด )
-   เร่งมาสเตอร์วอลลุ่มมิกเซอร์ไปที่ 0
-   ปรับปุ่ม Gain ในมิกเซอร์ไปที่ค่ามาตรฐาน ซึ่งจะมีเครื่องหมายที่กำหนดมาในมิกเซอร์ บางยี่ห้อเป็นเครื่องหมายรูป U บางยี่ห้อเป็นรูป สามเหลี่ยม ...ถ้าไม่มีเครื่องหมายที่ว่ามา ยี่ห้ออื่นๆให้ตั้งไว้ที่ 9 โมง..ถ้าเป็นยี่ห้อ Soundcraft ให้ตั้งไว้ที่ประมาณ 10-11 โมง
-   ที่เครื่อง EQ ปรับปุ่มเร่ง EQ  เป็น 0 ปรับสไลด์ เป็น Flat ( ถ้ามีปุ่มเกรท คอมเพลสเซอร์ในตัว เช่น dbx 2231 ให้ปิด )
-   ที่ครอสปรับปุ่ม Input + level output low-mid-hight ของ cross เป็นตรงกลาง ( 12 นาฬิกา)
2.   หาแผ่นเพลงที่เสียงดีที่สุด ชัดเจน มีชิ้นดนตรีมากๆ เสียงร้องดีๆ ชัดๆ หรือแผ่นซาวด์เช็คมาเปิด ต่อเครื่อง DVD หรือ CD หรือจะใช้คอมพิวเตอร์ก้ได้ โดยต่อข้างซ้ายเข้าไลน์มิกเซอร์ 1   ข้างขวาเข้าไลน์มิกเซอร์ 2
     
เร่งสไลด์วอลลุ่มในไลน์มิกเซอร์จนได้เสียงดังตามที่ต้องการแล้ว
      -  ให้มาปรับที่ crossover ก่อนโดย
          1.  ปรับ In Put ไปที่ 12 นาฬิกา ลด Level output ของ Low และ  Mid hight ลงจนหมด
          2.  เริม่การ Set เสียง Low โดยเร่ง  Level output ของ Low  ไปที่ 12 นาฬิกา ...ขั้นต่อไปก็ปรับตัดความถี่ของเสียง Low จนได้ เสียง Low เบส + กระเดื่องกระชับ คม ชัดเจน หนักแน่น มากที่สุด (  ซึ่งตู้ Low แต่ละสูตรจะปรับตัดความถี่ไม่เหมือนกัน..โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 80-140 )..จากนั้นก็เร่ง Level output ของ Low ให้เสียง low ดังขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งเสียง low จะเริ่มแกว่ง พร่า เพี้ยน..ก็ให้ลดลงมาจนเสียง low ดังปรกติ ..นั่นคือ เราจะได้เสียง low ที่ดีที่สุด +ดังที่สุดของระบบนั้นๆแล้ว
          
3  ต่อไปก็เป็นการ Set เสียงกลาง ..ให้ลด Level output ของ Low ลงจนหมด...  แล้วปรับ Level output ของ Mid และ Hight ไปที่ 12 นาฬิกา  และปรับความถี่ Mid Hight จนได้เสียงกลาง + แหลมที่ลงตัว ดีที่สุด  นั่นคือเราจะได้เสียง กลางแหลมที่ดี ลงตัวที่สุดของระบบนั้นๆแล้ว
      -  ขั้นตอนต่อไปคือการปรับผสมเสียง Low- Mid- Hight ของระบบให้ลงตัว สมดุลย์กันที่สุด  โดยการปรับปุ่ม Level out put ของ  Low  mid hight  ของ cross ให้เสียง Low mid hight  ออกมาให้ดังสมดุลพอดีกัน ไม่ขาด ไม่ล้น เสียงใดเสียงหนึ่งดังมากเกินไป หรือเบาเกินไป  ..โดยการปรับแล้วเดินไปฟังด้านหน้าตู้ลำโพง ทั้งอยู่ใกล้ๆ หรืออยู่ไกลๆตู้ลำโพง  แล้วกลับมาปรับหลายๆครั้งให้เสียงทุกเสียงดังออกมาดังพอดี สมดุลกัน..
       -  เมื่อได้เสียงดัง พอดี สมดุลย์กัน ไม่มีเสียง  Low mid hight  เสียงใดเสียงหนึ่งเบา หรือดังมากเกินไปแล้ว ก็มาปรับที่ปุ่ม ปรับความถี่ของ Low mid  และ  Mid hight   จนได้เสียง   Low  หนักแน่น นุ่มนวล (ตามแต่เหมาะสมของแต่ละระบบ +ความชอบแต่ละคน หรือสูตรของตู้ซับเบส หรือใช้หูฟังให้เบส-กระเดื่องมีความดังและเกาะชิดกัน พอดีๆ)  เสียง Mid ที่โปร่ง หวาน กังวาน ชัดเจน  Hight ที่สดใส  ชัดเจน  ฯลฯ อันนี่ก็ต้องใช้วิธีการปรับแล้วเดินไปฟังหน้าตู้ ทั้งใกล้ และไกล หลายครั้ง หลายรอบอีกนั่นแหละ  มันจะขึ้นอยู่ที่ฝีมือ การฟัง หู ความต้องการของแต่ละคนอีกนั่นแหละ  เมื่อปรับได้จนลงตัว พอใจแล้ว  มือใหม่ๆ คนที่ไม่เก่งก็อย่าได้ไปยุ่งกับ crossover อีก ให้ตั้งไว้ตายตัวเลย ไม่ว่าจะใช้อะไร  งานสถานที่อย่างไร เพราะถือว่า Set ได้พอดีแล้ว
  -  ขั้นตอนต่อไป  ก็ให้ปรับแต่งที่ EQ  ช่วยจนได้เสียงที่คิดว่าลงตัว ดีที่สุดแล้ว   แต่ถ้าปรับ EQ แล้วเสียงแย่ลง ก็แสดงว่าการปรับแต่งเฉพาะที่ Crossoverลงตัวพอดีแล้วก็ไม่ต้องปรับแต่ง EQ อีกให้ตั้งไว้ที่ Flat ได้เลย.....EQ  นี้ในระบบงาน PA ส่วนมากจะใช้ในการ Cut เสียงที่โด่งเกินไปลง  ....แต่ไม่ได้หมายความว่าการใช้งาน EQ ที่ถูกจะต้อง cut ลงอย่างเดียวนะครับ  EQ สามารถที่จะยกขึ้นได้เมื่อเสียงความถี่ใดความถี่หนึ่งขาดหายไปไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็สามารถยก EQ ช่วยได้  ...และ EQ จะไม่ตั้งไว้ถาวร สามารถปรับได้ตามที่ต้องการ ตามสถานะการณ์ ขนาดพื้นที่งาน หรือลักษณะงานที่แตกต่างกันเช่นในห้อง หรือสนามโล่งกลางแจ้ง แต่ถ้าไม่คล่อง ไม่เก่ง มือใหม่ๆ ก็ให้ตั้งไว้ให้มาตรฐานและพยายามอย่าไปยุ่งกับมัน

  -  ต่อไป ก็มาถึงการปรับใช้มิกซ์  ปุ่มมาสเตอร์วอลลุ่มให้ตั้งไว้ที่ 0 ตลอด  ปุ่มสไลด์วอลลุ่มในไลน์แต่ละช่อง สามารถปรับเร่งเสียงได้ตามต้องการไม่จำกัด จนบางครั้งสุดรางก็ได้ ถ้าเสียงไปพร่า เพี้ยน 
  -   ปุ่ม   Gain  ให้ตั้งไว้ไม่เกิน ค่ามาตรฐานที่เขากำหนดมาโดยมีเครื่องหมายตามที่กล่าวมาแล้วไว้ให้ ถ้าไม่มีก็ตั้งไว้ต่ำก่อนประมาณ 9 นาฬิกา แล้วค่อยปรับเร่งขึ้นไปทีละนิดๆ ..และก็สามารถปรับเร่งขึ้นไปได้ในกรณีที่สัญญาณที่เข้ามาเบาเกินไป เร่งวอลลุ่มสไลด์มากๆแล้วเสียงยังเบาอยู่..แต่ก็ต้องระวังถ้าเร่ง Gain มากๆอาจจะเกิดเสียงหวีด หอน ฮัม ถ้ามีเสียงเหล่านี้ต้องรีบลด Gain ลงทันทีจนเสียงหวีด หอน ฮัม หายไป  .......วิธีที่ดีที่สุดคือใช้การเร่งปุ่มสไลด์วอลลุ่มเป็นหลักก่อนถ้าเสียงยังเบาไปถึงจะมาเร่งปุ่ม  Gain ช่วยอีกที
  -  ปุ่ม EQ ในไลน์ ปรับได้อิสระตามความพอใจ ความต้องการ ความเหมาะสม
  -  EQ ในเครื่องมิกเซอร์ที่มีบางรุ่น ให้ปิด หรือปรับเป็น Flat เมื่อใช้  EQ นอกเพราะไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนมีปรี ซ้อนปรีเสียงความถี่ต่างๆจะล้นมากเกินไปรบกวนกัน จนบางครั้งเสียงเพี้ยน และปรับยากมาก...
            

                   การปรับระบบขณะใช้งาน หรือเรียกว่า ซาวด์เช็ค เป็นการปรับขณะออกงานในสถานที่ต่างๆ จะต้องมีการปรับอีกครั้งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ( สถานการณ์เช่นเสียงคนร้องเพลง พูด ต่างกันบางคนดัง บางคนเบา บาง
คนเสียงบี้ แหลม บางคนเสียงทุ้ม ฯลฯ ) และสถานที่ เช่นที่สนามโล่งแจ้ง สนามแคบๆ สนามกว้างๆ  ในห้องแคบๆ ในหอประชุม ขนาดต่างๆ ในฮอลล์ใหญ่ๆ ฯลฯ ซึ่งในสถานที่ที่แตกต่างกันระบบจะแตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องปรับระบบให้เหมาะสมกับสถานที่..การปรับระบบเมื่ออกงาน หรือซาวด์เช็ค จะปรับตามลำดับหน้าหลังคือ

                สิ่งที่สำคัญที่สุด  ยากที่สุดในการปรับระบบ ให้เสียงออกมาดีที่สุดคือ ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเสียง  การฟังเสียงออก ฟังเสียงเป็น  และความรู้ความเข้าใจในการปรับเพิ่ม ลด ปุ่มความถี่ต่างๆ ทั้ง EQ ในไลน์  - EQ นอกมิกเซอร์ และ crossover  ( รวมทั้งการปรับใช้ FX ทั้งนอกและในมิกเซอร์ +Gate compressor ด้วย)ให้เสียงออกมาดีที่สุด กลมกลืน ลงตัวที่สุดทั้งภาคดนตรี ภาคไมค์ทั้งการร้อง การพูด...เรียกคนปรับระบบว่า ซาวด์เอ็นจิเนียร์  ซึ่งคนที่เก่งๆจะมีน้อย เพราะจะต้องเป็นพวก หูทองฟังออก ฟังเก่ง เข้าใจระบบ รู้จักอุปกรณ์การใช้อุปกรณ์ทำให้สามารถปรับระบบเพิ่ม ลดปุ่ม EQ ปุ่มความถี่ ความดังต่างๆได้ดี ได้เก่ง ลงตัว...คนที่เคยเล่นเครื่องเสียงในบ้านระดับไฮเอนด์มาก่อนจะได้เปรียบเรื่องนี้ 

 

https://www.google.co.th/search?q=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น